จากการฝึกสุนัขของตัวเองอยู่ที่บ้าน กลายมาเป็นธุรกิจศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติฯ ได้อย่างไร คุณวิชัยตอบว่า “ผมไม่ได้มองว่าจะทำเป็นธุรกิจ แค่คิดว่าหมามันน่ารัก มันซื่อสัตย์ ก็สอนมันด้วยใจรัก ฝึกไปๆ ก็เลยกลายเป็นโรงเรียน มีรายได้เข้ามา แล้วก็ไม่มีคู่แข่ง แต่ถึงจะมีคู่แข่งผมก็ไม่กลัว เพราะถ้าทำธุรกิจอย่างเดียว ไม่ได้ทำด้วยใจรัก ก็ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน หมาที่เจ้าของเขาเอามาให้เราฝึกเป็นสิ่งที่เขารัก ถ้าเราทำหมาเขาตายไปซักตัวนึงก็เสียชื่อเสียงแล้ว ทำตรงนี้เราต้องมีความรัก ต้องรู้ใจหมา หมาไม่กินอาหาร หมาป่วย เราต้องมีความรู้ เราต้องช่วยเหลือมัน เพราะว่าหมาพูดไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องเข้าใจมัน ส่วนการฝึกหมาแบบนานาชาตินั้น เมื่อก่อนนี้ผมฝึกหมาเฉพาะภาษาไทย ก็มาคิดว่าเราจะฝึกแต่ภาษาไทยอย่างเดียวไม่ได้ จะทำยังไงให้ฝึกได้หลากหลายภาษา เพราะภูเก็ตเราเป็นเมืองท่องเที่ยว มีชาวต่างชาติหลายชาติหลายภาษามาอยู่มาทำงานที่นี่ แล้วเขาก็เลี้ยงหมากันทั้งนั้น ก็เริ่มมีชาวต่างชาติพาหมามาให้ฝึกอาจจะมีการบอกกล่าวกันปากต่อปาก แล้วก็เยอะขึ้น มีชาติโน้นชาตินี้ เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้ฝึกหมาได้ทุกๆ ภาษาที่เขาพามาให้ฝึก ผมจึงต้องศึกษาภาษาต่างประเทศ เริ่มจากภาษาอังกฤษก่อนแล้วก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ ตอนนี้เราสามารถฝึกหมาได้กว่า 10 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาไทย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมัน, สวีเดน, สเปน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน หรือแม้แต่ภาษาปักษ์ใต้ สอนได้หมด โดยที่เราจะต้องเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ออกคำสั่ง แล้วก็พยายามออกเสียงให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ขึ้นอยู่กับเจ้าของว่าต้องการให้เราฝึกหมาของเขาด้วยภาษาอะไร”
วิธีการฝึกหมาของที่นี่ จึงเป็นการสอนด้วยความรัก ปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้กับหมา เพื่อให้มันอยากจะทำตามคำสั่งของเจ้าของอย่างมีความสุข คุณวิชัยให้รายละเอียดถึงวิธีการฝึกหมาของที่นี่ว่า “การสอนของเราจะแบ่งเป็นคอร์ส ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน คือการฝึกให้หมาเชื่อฟังคำสั่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้หมามีระเบียบวินัย เช่น การสั่งให้เดิน, วิ่ง, หยุด, สั่งให้นั่ง, หมอบ, ยืน, นอน, นั่งคอย, นอนคอย, หมอบคอย, นอนคอย, ยืนคอย, จับมือ, กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง, ขึ้นรถลงรถ และแปรงฟัน การฝึกขั้นกลาง คือนอกเหนือจากขั้นพื้นฐานแล้ว ยังสามารถสั่งให้สวัสดี, คาบสิ่งของ, คลาน หรือกลิ้ง การฝึกขั้นสูง ก็เพิ่มเติมให้มันเดินถอยหลัง, กระโดดข้ามห่วงมือหรือหลัง, คาบของในตู้เย็น, คลานถอยหลัง หรือเดิน 2 ขา การฝึกสุนัขอารักขา คือฝึกให้จู่โจมคนร้าย, สั่งให้หยุด, สอนให้ไม่กลัวเสียงปืน, ไม่กินอาหารจากคนแปลกหน้า และฝึกให้ฟังคำสั่งพิเศษต่างๆ เช่น ไล่งับจานร่อนกลางอากาศ เดินบนเชือก กระโดดเชือก หมาทุกตัวที่มาฝึกที่นี่จะต้องผ่านคอร์สพื้นฐาน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 เดือน โดยหมาจะต้องมาอยู่ประจำที่นี่ ส่วนคอร์สอื่นๆ ซึ่งสูงขึ้นไปก็แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของว่าอยากให้ฝึกเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 - 4 เดือน ขึ้นอยู่กับมันสมองและสรีระของหมา ที่นี่เราจะรับหมาเข้ามาฝึกตั้งแต่อายุ 5 – 6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่หมาจะจดจำได้ดี ถ้าอายุมากกว่านั้นจะยิ่งสอนยากและใช้เวลานาน แต่ถ้าฝึกให้อารักขาต้องให้หมาอายุซัก 1 ปีขึ้นไป เพราะหมาจะโตเต็มที่มีจิตใจที่ห้าวหาญ แนวทางการสอนของเราคือสอนด้วยความรัก ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ทีละขั้น อันดับแรกเมื่อหมาเข้ามาที่นี่เราต้องสร้างความคุ้นเคยกับมันก่อน ทำความรู้จัก ให้มันรู้จักเรา เรารู้จักมัน ให้มันรักเรา เรารักมัน พอมันอยู่กับเราซัก 1 – 2 อาทิตย์ผ่านไป มันเกิดความอบอุ่น เกิดความเข้าใจว่าคนนี้ดีนะ ให้อาหาร พาไปเดินเล่น อาบน้ำให้ ไม่รุนแรงกับมัน สิ่งเหล่านี้มันจะซึมซับแล้วพอเราเริ่มฝึกออกคำสั่ง มันจะทำตาม เราใช้ความนุ่มนวลใช้ความหนักเบาของน้ำเสียงและจังหวะ หมามันไม่มีอะไรมาก มันมีแค่สีดำกับสีขาว เราฝึกให้มันรู้จักแยกแยะเสียงหนักกับเสียงเบา เสียงเบาหมายถึงว่าเขาทำถูก คุณต้องชมเขา เสียงหนักหมายถึงว่าทำผิด คุณต้องค่อนข้างตะคอก แล้วมันจะรู้ว่าไอ้คำนี้หนักนะ มันต้องหยุดนะ ท่าที่มันทำอยู่มันต้องเปลี่ยน พอมันทำถูกก็ชมด้วยเสียงเบา แค่นี้มันก็รู้ว่าอ๋ออย่างนี้ผิดอย่างนี้ถูก ผมอธิบายง่ายๆ อย่างนี้เป็นหัวใจของการฝึกหมาเลย
ภายในบริเวณศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติภูเก็ต ซึ่งมีพื้นที่ 10 ไร่นั้น ถูกจัดสรรให้เป็นสนามฝึกที่ได้มาตรฐาน มีคอกที่แบ่งเป็นสัดส่วนมีสุขลักษณะที่ดี มีบริเวณให้หมาได้เดินเล่นออกกำลัง บรรยากาศร่มรื่นสะอาดตาแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี “ที่นี่เราเลี้ยงดูเอาใจใส่หมาอย่างดี คอกต้องสะอาด อากาศถ่ายเท ไม่มีมลภาวะ ขี้หมาต้องเก็บไม่ให้มีกลิ่นเหม็น ถ้าหมาไม่สบายต้องส่งหมอทันที ยกเว้นถ้าไม่สบายเล็กน้อยเราก็มียาดูแลเบื้องต้นได้ เรามีพื้นที่ถึง 10 ไร่ สามารถพาหมาไปเดินเล่นได้ ไม่ใช่ขังอยู่แต่ในกรงอย่างเดียวหมาจะเครียด ข้างหลังก็มีสระน้ำ ถ้าเจ้าของอยากให้หมาเขาว่ายน้ำ เราก็มีสระให้ เราเลี้ยงหมาเหมือนกับเลี้ยงคน ต้องเช็ดตัว เช็ดเท้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค กลิ่นเหม็นอย่าให้มี ต้องแปรงฟัน หมาที่นี่ทุกตัวจะมีแปรงสีฟันประจำตัว เช้าขึ้นมาต้องให้มันไปขับถ่ายข้างนอก มีเครื่องออกกำลังกายให้มันได้วิ่ง ดูแลเหมือนคนเลย การเลี้ยงหมานี่จริงๆ ไม่ใช่ง่ายนะ ต้องให้เวลา ต้องเอาใจใส่มาก”
เห็นฝึกสนุก อยู่สบายอย่างนี้ ก็ใช่ว่าพอจบคอร์สแล้ว หมาจะกลับบ้านไปได้ง่ายๆ เพราะเขาต้องมีการสอบวัดผลกันก่อนว่าที่เรียนมานั้นใช้ได้หรือไม่ “หมาทุกตัวที่มาฝึก ก่อนจะออกจากที่นี่จะต้องผ่านการสอบก่อน คุณดูที่กระดานเห็นตัวเลขนั่นไม๊” คุณวิชัยชี้ให้เราดูกระดานที่เขียนชื่อหมากับตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์เอาไว้ “นั่นเป็นผลสอบของหมา หมาที่นี่จะต้องผ่านการสอบ โดยผมจะเป็นคนสอบเอง จะมีใบคะแนนแบ่งเป็นช่องๆ แต่ละช่องก็มีคำสั่งต่างๆ เช่น สั่งให้ยืนต้องยืน สั่งให้นั่งต้องนั่ง สั่งให้มาต้องมา แล้วก็มีคะแนนให้ ถ้าทำได้เป๊ะๆ ก็ได้คะแนนไป แล้วคะแนนรวมต้องให้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ 65% ถ้าต่ำกว่านั้นถือว่าหมาสอบตก ถ้าหมาสอบตกครูฝึกมีปัญหา และหมาต้องทำอย่างมีความสุขด้วย ถ้าทำแบบกลัวๆ แสดงว่าครูฝึกมีปัญหา แต่ถ้าทำได้ถึง 85% ผมก็มีรางวัลให้ครูฝึกเหมือนกัน ตรงนี้เราต้องเข้มงวด เพราะหมาต้องเข้าไปอยู่กับครอบครัวเขาฉะนั้นเราต้องทำให้เต็มที่”
สิ่งสำคัญอีกประการหลังจากที่ส่งหมามาฝึกแล้ว ก็คือตัวเจ้าของหมาเองที่จะต้องมาเรียนรู้วิธีการออกคำสั่งด้วย เพื่อนำกลับไปใช้ให้ได้ผลที่บ้าน “หลังจากที่เราสอนหมาใกล้จบคอร์สแล้วเราจะให้เจ้าของมาเรียนรู้วิธีออกคำสั่งด้วย เช่น การส่งสัญญาณมือ ท่าทาง การใช้เสียง เจ้าของจะใช้เวลาเรียนประมาณ 2 – 3 วันก็สามารถทำได้แล้ว ลูกค้าบางคนก็บอกว่าทำไมดูง่าย เค้ามาสั่ง 2 – 3 วันมันก็ทำได้ แต่อันที่จริงกว่าจะได้อย่างนี้เราต้องใช้เวลาสอนตั้ง 2 เดือน ผมอยากให้เข้าใจว่ากว่าจะได้คำว่านั่ง 1 ท่า ครูฝึกต้องลำบากขนาดไหน 2 เดือนนี่ต้องพูดคำว่านั่งเป็นพันครั้งนะ หมาจึงจะเข้าใจ ฉะนั้นไม่ใช่ว่าพอหมาเรียนจบแล้วคุณจะไปใช้ได้เลย เพราะหมาเคยอยู่ที่บ้านกับเจ้าของก็รูปแบบหนึ่ง มาอยู่ที่โรงเรียนก็รูปแบบหนึ่ง ถ้ากลับบ้านไปแล้วยังใช้รูปแบบเดิมหมามันก็ลืม เจ้าของต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบด้วยถึงจะได้ผล ต้องหมั่นฝึกออกคำสั่ง ฝึกให้มันทำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 10 - 15 นาที ให้เวลาเล่นกับมัน แล้วถ้าเจ้าของเขามีหัวที่จะพลิกแพลงพัฒนาคำสั่งเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ สิ่งที่มันเรียนรู้ไปก็จะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์”
ทำไมถึงรักหมาขนาดนี้ เป็นคำถามที่คนรักหมาอย่างคุณวิชัยคงตอบได้ไม่ยาก “อยู่กับมันแล้วมีความสุข อธิบายไม่ถูก คนไม่เคยเลี้ยงจะไม่เข้าใจ ระหว่างให้ผมเลิกคบคนกับให้เลิกคบหมา ผมยอมเลิกคบคนนะ ให้ผมมีเพื่อนเป็นหมาดีกว่ามีคนหมาๆ มาเป็นเพื่อน เราอยู่กับมันมันไม่เคยทรยศเราแม้แต่ครั้งเดียวเลย ถึงแม้เวลามันป่วยมันยังทำหน้าที่ บางครั้งมันเจ็บ เราสงสารมันก็เหมือนกับเราเจ็บด้วย มันแฮปปี้เราแฮปปี้ด้วย ฉะนั้นจึงอยากจะฝากถึงคนเลี้ยงหมา ต้องคิดให้ดี ต้องมีเวลาดูแลเอาใจใส่มัน เลี้ยงหมาให้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนเอาหมามาฝากที่นี่กลัวหมาจะลืมตัวเอง หมามันไม่ลืมเจ้าของหรอก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน มีแต่เจ้าของจะลืมมัน ชีวิตนี้มันก็ฝากไว้กับเราแล้วทั้งชีวิต บางคนเลี้ยงหมาตามกระแส พอไม่ชอบก็เอาไปทิ้งไปโยน ไปปล่อยวัด อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นเลย เลี้ยงหมาต้องให้ความรัก ถ้าเรารักมัน แล้วมันก็จะรักเรา”
บทความ โดย ชุติมา กิตติธรกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น