โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต สนับสนุนให้เกิดเรื่องราวดีๆ ขึ้นในชุมชน ผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น กิจกรรมสาธารณะ ซึ่งเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ และทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วม รวมทั้งการส่งเสริมกาเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ให้กับเจ้าหน้าที่, การดูแลสุขภาพ และในบล็อก StoryDD แห่งนี้ ได้รวบรวมบทความในโครงการส่งเสริมนักเขียนท้องถิ่น ให้สร้างผลงานเขียนเชิดชูบุคคล หรือหน่วยงานที่ทำความดี ให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจกับผู้อ่าน เพื่อร่วมสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนต่อไป

๑๔ ส.ค. ๒๕๕๐

:: ฝึกสุนัข "ด้วยใจ"


คุณวิชัย ชิดเชี่ยว กับศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติภูเก็ต

หมาทุกตัว ถือกำเนิด เกิดเป็นเดรัจฉาน
แต่ดวงมาลย์ แสนประเสริฐ เลิศหนักหนา
รู้บุญคุณ รู้รักตอบ มอบชีวา
ดีเสียกว่า มนุษย์สู้ ไม่รู้คุณ

บทกลอนแสนไพเราะที่หากหมารู้หนังสือและได้อ่านคงซาบซึ้งน้ำตาคลอกับกลอนบทนี้ เขียนไว้อย่างเด่นชัดในสถานที่ที่เรานัดหมายเพื่อพบกับทองหลังพระฉบับนี้ คุณวิชัย ชิดเชี่ยว เจ้าของศูนย์ฝึกศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่แถวเกาะสิเหร่ คุณวิชัยมาพร้อมกับเจ้าซัดดัม บอดี้การ์ดหน้าเข้มพันธุ์อเมริกันพิทบูล ที่คอยระแวดระวังเจ้าของไม่วางตา แต่ถึงอย่างไรการพูดคุยกับคุณวิชัย ครูสอนหมานานาชาติ ผู้เชื่อและยืนยันในความหมายของบทกลอนข้างต้น ก็สนุกสนานด้วยเรื่องราวของเจ้าสี่ขาที่น่ารักและน่าทึ่ง

ก่อนหน้าที่จะเปิดโรงเรียนฝึกสุนัข คุณวิชัยทำงานทั้งราชการและเอกชนไปพร้อมๆ กัน ส่วนการเลี้ยงสุนัขนั้นเป็นเพียงงานอดิเรก “เลี้ยงด้วยใจรัก” คุณวิชัยว่าอย่างนั้น พอเลี้ยงเยอะเข้าก็ทำคอกเพาะสุนัขขาย ส่วนมาเริ่มฝึกสุนัขได้อย่างไรคุณวิชัยเล่าว่า “ตอนแรกเราก็เลี้ยงหมาอยู่ที่บ้านเราเอง เลี้ยงอยู่หลายตัวเพราะผมเป็นคนชอบเลี้ยงหมา เลี้ยงไปเราก็ฝึกหมาของเราไป ทีนี้ เวลาไปเที่ยวหรือไปไหนมาไหน ผมจะพาหมาไปด้วย คนภายนอกเขาเห็นกิริยาหมาของเราแล้ว เขาก็ชมว่าหมาของเรานี่มันฉลาดนะ มันเก่งนะ พอเขารู้ว่าเราเป็นคนฝึกเอง เขาก็เอาหมามาให้เราฝึกบ้าง แล้วก็เริ่มมีมาเรื่อยๆ จนมากเข้าๆ ตอนแรกผมทำคนเดียว พอหมาเยอะเข้ามันก็เหนื่อย ก็เริ่มหาลูกน้องมาช่วย ทำไปทำมาพื้นที่ที่บ้านเริ่มคับแคบ ประกอบกับหมามันส่งเสียงรบกวนชาวบ้านด้วย ทีนี้ผมมีที่ดินอยู่ที่นี่ ก็เลยเริ่มเข้ามาหักร้างถางพง แล้วก็ย้ายมาฝึกที่นี่ ค่อยๆ ทำ ค่อยสร้างมาเรื่อยๆ จนเป็นรูปเป็นร่างอย่างนี้ เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้วที่ศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติภูเก็ตมาตั้งอยู่ที่นี่”



จากการฝึกสุนัขของตัวเองอยู่ที่บ้าน กลายมาเป็นธุรกิจศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติฯ ได้อย่างไร คุณวิชัยตอบว่า “ผมไม่ได้มองว่าจะทำเป็นธุรกิจ แค่คิดว่าหมามันน่ารัก มันซื่อสัตย์ ก็สอนมันด้วยใจรัก ฝึกไปๆ ก็เลยกลายเป็นโรงเรียน มีรายได้เข้ามา แล้วก็ไม่มีคู่แข่ง แต่ถึงจะมีคู่แข่งผมก็ไม่กลัว เพราะถ้าทำธุรกิจอย่างเดียว ไม่ได้ทำด้วยใจรัก ก็ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน หมาที่เจ้าของเขาเอามาให้เราฝึกเป็นสิ่งที่เขารัก ถ้าเราทำหมาเขาตายไปซักตัวนึงก็เสียชื่อเสียงแล้ว ทำตรงนี้เราต้องมีความรัก ต้องรู้ใจหมา หมาไม่กินอาหาร หมาป่วย เราต้องมีความรู้ เราต้องช่วยเหลือมัน เพราะว่าหมาพูดไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องเข้าใจมัน ส่วนการฝึกหมาแบบนานาชาตินั้น เมื่อก่อนนี้ผมฝึกหมาเฉพาะภาษาไทย ก็มาคิดว่าเราจะฝึกแต่ภาษาไทยอย่างเดียวไม่ได้ จะทำยังไงให้ฝึกได้หลากหลายภาษา เพราะภูเก็ตเราเป็นเมืองท่องเที่ยว มีชาวต่างชาติหลายชาติหลายภาษามาอยู่มาทำงานที่นี่ แล้วเขาก็เลี้ยงหมากันทั้งนั้น ก็เริ่มมีชาวต่างชาติพาหมามาให้ฝึกอาจจะมีการบอกกล่าวกันปากต่อปาก แล้วก็เยอะขึ้น มีชาติโน้นชาตินี้ เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้ฝึกหมาได้ทุกๆ ภาษาที่เขาพามาให้ฝึก ผมจึงต้องศึกษาภาษาต่างประเทศ เริ่มจากภาษาอังกฤษก่อนแล้วก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ ตอนนี้เราสามารถฝึกหมาได้กว่า 10 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาไทย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมัน, สวีเดน, สเปน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน หรือแม้แต่ภาษาปักษ์ใต้ สอนได้หมด โดยที่เราจะต้องเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ออกคำสั่ง แล้วก็พยายามออกเสียงให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ขึ้นอยู่กับเจ้าของว่าต้องการให้เราฝึกหมาของเขาด้วยภาษาอะไร”


คุณวิชัยเล่าถึงเคล็ดลับการฝึกหมาให้เชื่อฟังคำสั่งว่า “การฝึกหมาต้องเริ่มมาจากความรัก ถ้าคุณใช้วิธีบังคับให้มันกระทำอย่างที่ต้องการ มันก็ทำ แต่ภาพที่ออกมาคือมันจะทำแบบกลัวเกรง ที่ผมเคยเห็นมาบางที่เขาจะใช้วิธีฝึกหมาแบบทำให้หมากลัวก่อน บางคนถึงกับต้องทำร้ายหมาแล้วหมาถึงจะเชื่อฟัง แต่เวลามันทำตามคำสั่ง มันก็จะทำด้วยอาการหงอ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ ผมคิดว่าการทำให้มันรักและไว้ใจเราแล้วจึงสั่งให้มันทำตามเป็นวิธีที่ง่ายกว่า ดูแล้วมีความสุขไปทั้งเจ้าของ ทั้งครูฝึก ทั้งหมา ลองสังเกตดูเวลาเราสั่งหมาให้ทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามันทำโดยกิริยาอาการที่ร่าเริง นั่นคือมันมีความสุขที่จะทำ คนที่สอนก็มีความสุขที่เห็นมันทำ แต่ถ้าคุณเห็นหมามันทำด้วยความหวาดกลัว นั่นคือมันมีความทุกข์ มันถูกบังคับ ต้องมองให้ออกตรงนี้สำคัญ”

วิธีการฝึกหมาของที่นี่ จึงเป็นการสอนด้วยความรัก ปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้กับหมา เพื่อให้มันอยากจะทำตามคำสั่งของเจ้าของอย่างมีความสุข คุณวิชัยให้รายละเอียดถึงวิธีการฝึกหมาของที่นี่ว่า “การสอนของเราจะแบ่งเป็นคอร์ส ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน คือการฝึกให้หมาเชื่อฟังคำสั่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้หมามีระเบียบวินัย เช่น การสั่งให้เดิน, วิ่ง, หยุด, สั่งให้นั่ง, หมอบ, ยืน, นอน, นั่งคอย, นอนคอย, หมอบคอย, นอนคอย, ยืนคอย, จับมือ, กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง, ขึ้นรถลงรถ และแปรงฟัน การฝึกขั้นกลาง คือนอกเหนือจากขั้นพื้นฐานแล้ว ยังสามารถสั่งให้สวัสดี, คาบสิ่งของ, คลาน หรือกลิ้ง การฝึกขั้นสูง ก็เพิ่มเติมให้มันเดินถอยหลัง, กระโดดข้ามห่วงมือหรือหลัง, คาบของในตู้เย็น, คลานถอยหลัง หรือเดิน 2 ขา การฝึกสุนัขอารักขา คือฝึกให้จู่โจมคนร้าย, สั่งให้หยุด, สอนให้ไม่กลัวเสียงปืน, ไม่กินอาหารจากคนแปลกหน้า และฝึกให้ฟังคำสั่งพิเศษต่างๆ เช่น ไล่งับจานร่อนกลางอากาศ เดินบนเชือก กระโดดเชือก หมาทุกตัวที่มาฝึกที่นี่จะต้องผ่านคอร์สพื้นฐาน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 เดือน โดยหมาจะต้องมาอยู่ประจำที่นี่ ส่วนคอร์สอื่นๆ ซึ่งสูงขึ้นไปก็แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของว่าอยากให้ฝึกเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 - 4 เดือน ขึ้นอยู่กับมันสมองและสรีระของหมา ที่นี่เราจะรับหมาเข้ามาฝึกตั้งแต่อายุ 5 – 6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่หมาจะจดจำได้ดี ถ้าอายุมากกว่านั้นจะยิ่งสอนยากและใช้เวลานาน แต่ถ้าฝึกให้อารักขาต้องให้หมาอายุซัก 1 ปีขึ้นไป เพราะหมาจะโตเต็มที่มีจิตใจที่ห้าวหาญ แนวทางการสอนของเราคือสอนด้วยความรัก ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ทีละขั้น อันดับแรกเมื่อหมาเข้ามาที่นี่เราต้องสร้างความคุ้นเคยกับมันก่อน ทำความรู้จัก ให้มันรู้จักเรา เรารู้จักมัน ให้มันรักเรา เรารักมัน พอมันอยู่กับเราซัก 1 – 2 อาทิตย์ผ่านไป มันเกิดความอบอุ่น เกิดความเข้าใจว่าคนนี้ดีนะ ให้อาหาร พาไปเดินเล่น อาบน้ำให้ ไม่รุนแรงกับมัน สิ่งเหล่านี้มันจะซึมซับแล้วพอเราเริ่มฝึกออกคำสั่ง มันจะทำตาม เราใช้ความนุ่มนวลใช้ความหนักเบาของน้ำเสียงและจังหวะ หมามันไม่มีอะไรมาก มันมีแค่สีดำกับสีขาว เราฝึกให้มันรู้จักแยกแยะเสียงหนักกับเสียงเบา เสียงเบาหมายถึงว่าเขาทำถูก คุณต้องชมเขา เสียงหนักหมายถึงว่าทำผิด คุณต้องค่อนข้างตะคอก แล้วมันจะรู้ว่าไอ้คำนี้หนักนะ มันต้องหยุดนะ ท่าที่มันทำอยู่มันต้องเปลี่ยน พอมันทำถูกก็ชมด้วยเสียงเบา แค่นี้มันก็รู้ว่าอ๋ออย่างนี้ผิดอย่างนี้ถูก ผมอธิบายง่ายๆ อย่างนี้เป็นหัวใจของการฝึกหมาเลย

เมื่อเราสอนคำสั่งพื้นฐานให้มันแล้ว ก็ค่อยเพิ่มเติมไปว่าจะพัฒนาความสามารถอะไรให้มัน ซึ่งต้องมองจากสายพันธุ์ของหมาว่าสายพันธุ์นี้มีขีดความสามารถอย่างไร เช่น บางพันธุ์สมองดี บางพันธุ์จมูกดี บางพันธุ์อารักขาดี แล้วพัฒนาไปตามนั้น และต้องดูวัตถุประสงค์ของเจ้าของด้วยว่าต้องการเลี้ยงหมาเพื่ออะไร เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนเล่นแก้เหงา เลี้ยงเพื่อเฝ้าบ้าน หรือเลี้ยงเพื่ออารักขาเจ้าของ ก็ควรเลือกสุนัขให้ตรงกับวัตถุประสงค์ อย่างหมาพันธุ์เล็กๆ น่ารักๆ จะเลี้ยงไว้อารักขาก็ไม่ได้ ถ้าคุณต้องการหมาไว้เฝ้าบ้าน คุณก็ต้องเลี้ยงสายพันธุ์ที่บึกบึน จิตใจเด็ดเดี่ยว แล้วก็พามาฝึก มาพัฒนาความสามารถให้มัน อย่างนี้เป็นต้น”


ภายในบริเวณศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติภูเก็ต ซึ่งมีพื้นที่ 10 ไร่นั้น ถูกจัดสรรให้เป็นสนามฝึกที่ได้มาตรฐาน มีคอกที่แบ่งเป็นสัดส่วนมีสุขลักษณะที่ดี มีบริเวณให้หมาได้เดินเล่นออกกำลัง บรรยากาศร่มรื่นสะอาดตาแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี “ที่นี่เราเลี้ยงดูเอาใจใส่หมาอย่างดี คอกต้องสะอาด อากาศถ่ายเท ไม่มีมลภาวะ ขี้หมาต้องเก็บไม่ให้มีกลิ่นเหม็น ถ้าหมาไม่สบายต้องส่งหมอทันที ยกเว้นถ้าไม่สบายเล็กน้อยเราก็มียาดูแลเบื้องต้นได้ เรามีพื้นที่ถึง 10 ไร่ สามารถพาหมาไปเดินเล่นได้ ไม่ใช่ขังอยู่แต่ในกรงอย่างเดียวหมาจะเครียด ข้างหลังก็มีสระน้ำ ถ้าเจ้าของอยากให้หมาเขาว่ายน้ำ เราก็มีสระให้ เราเลี้ยงหมาเหมือนกับเลี้ยงคน ต้องเช็ดตัว เช็ดเท้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค กลิ่นเหม็นอย่าให้มี ต้องแปรงฟัน หมาที่นี่ทุกตัวจะมีแปรงสีฟันประจำตัว เช้าขึ้นมาต้องให้มันไปขับถ่ายข้างนอก มีเครื่องออกกำลังกายให้มันได้วิ่ง ดูแลเหมือนคนเลย การเลี้ยงหมานี่จริงๆ ไม่ใช่ง่ายนะ ต้องให้เวลา ต้องเอาใจใส่มาก”

เห็นฝึกสนุก อยู่สบายอย่างนี้ ก็ใช่ว่าพอจบคอร์สแล้ว หมาจะกลับบ้านไปได้ง่ายๆ เพราะเขาต้องมีการสอบวัดผลกันก่อนว่าที่เรียนมานั้นใช้ได้หรือไม่ “หมาทุกตัวที่มาฝึก ก่อนจะออกจากที่นี่จะต้องผ่านการสอบก่อน คุณดูที่กระดานเห็นตัวเลขนั่นไม๊” คุณวิชัยชี้ให้เราดูกระดานที่เขียนชื่อหมากับตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์เอาไว้ “นั่นเป็นผลสอบของหมา หมาที่นี่จะต้องผ่านการสอบ โดยผมจะเป็นคนสอบเอง จะมีใบคะแนนแบ่งเป็นช่องๆ แต่ละช่องก็มีคำสั่งต่างๆ เช่น สั่งให้ยืนต้องยืน สั่งให้นั่งต้องนั่ง สั่งให้มาต้องมา แล้วก็มีคะแนนให้ ถ้าทำได้เป๊ะๆ ก็ได้คะแนนไป แล้วคะแนนรวมต้องให้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ 65% ถ้าต่ำกว่านั้นถือว่าหมาสอบตก ถ้าหมาสอบตกครูฝึกมีปัญหา และหมาต้องทำอย่างมีความสุขด้วย ถ้าทำแบบกลัวๆ แสดงว่าครูฝึกมีปัญหา แต่ถ้าทำได้ถึง 85% ผมก็มีรางวัลให้ครูฝึกเหมือนกัน ตรงนี้เราต้องเข้มงวด เพราะหมาต้องเข้าไปอยู่กับครอบครัวเขาฉะนั้นเราต้องทำให้เต็มที่”



ที่ศูนย์ฝึกสุนัขนานาชาติภูเก็ตนี้ นอกจากคุณวิชัยแล้ว ยังมีครูฝึกอีก 5 - 6 คน ซึ่งแต่ละคนผ่านการคัดเลือกและสอนงานโดยคุณวิชัยเอง “ครูฝึกที่นี่ต้องมีความรักหมาก่อนเป็นอันดับแรก ถ้ารักหมาแล้วก็สอนกันง่าย เรียนรู้ได้เร็ว แต่ถ้าคุณไม่มีความรักหมาจะเรียนรู้ยาก คุณต้องไม่รังเกียจมัน ผมชอบที่จะสอนคนขึ้นมาเอง มากกว่าที่จะรับคนที่เป็นอยู่แล้วมาทำงาน เพราะเขามักจะเอาแนวทางของที่อื่นมาสอน แนวทางของผมนี่ผมคิดขึ้นเอง อาศัยเรียนรู้หรือดูจากสารคดีต่างประเทศและประสบการณ์ที่สะสมมา แต่นั่นก็ไม่เท่ากับเราต้องรู้จักพลิกแพลง ผมเป็นคนชอบคิดชอบดัดแปลงหาวิธีที่จะสอนให้หมาทำตามคำสั่งเราได้ ก็จะถ่ายทอดความรู้ให้ครูฝึกทุกคนที่นี่ แล้วเวลาให้ครูฝึกไปฝึกหมาต้องดูด้วยว่าคนนี้เหมาะกับหมาพันธุ์นี้ คนนี้เหมาะกับตัวนี้ แล้วยังต้องดูไปถึงเจ้าของด้วย เรื่องบุคลากรนี่ค่อนข้างเป็นปัญหาเหมือนกันเพราะหาคนที่จะรักและเข้าใจหมาจริงๆ ค่อนข้างยาก หาคนที่มีทักษะ รู้จักพลิกแพลงพัฒนาวิธีการฝึกด้วยตัวเองหายาก เมืองไทยเราคนยังเข้าใจหมาน้อย ที่เมืองนอกอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีเกียรติมาก ฝรั่งเขาให้ความสำคัญและให้เกียรติกับครูฝึกหมามาก เพราะเขารู้ว่าหมามันมีความสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง”

สิ่งสำคัญอีกประการหลังจากที่ส่งหมามาฝึกแล้ว ก็คือตัวเจ้าของหมาเองที่จะต้องมาเรียนรู้วิธีการออกคำสั่งด้วย เพื่อนำกลับไปใช้ให้ได้ผลที่บ้าน “หลังจากที่เราสอนหมาใกล้จบคอร์สแล้วเราจะให้เจ้าของมาเรียนรู้วิธีออกคำสั่งด้วย เช่น การส่งสัญญาณมือ ท่าทาง การใช้เสียง เจ้าของจะใช้เวลาเรียนประมาณ 2 – 3 วันก็สามารถทำได้แล้ว ลูกค้าบางคนก็บอกว่าทำไมดูง่าย เค้ามาสั่ง 2 – 3 วันมันก็ทำได้ แต่อันที่จริงกว่าจะได้อย่างนี้เราต้องใช้เวลาสอนตั้ง 2 เดือน ผมอยากให้เข้าใจว่ากว่าจะได้คำว่านั่ง 1 ท่า ครูฝึกต้องลำบากขนาดไหน 2 เดือนนี่ต้องพูดคำว่านั่งเป็นพันครั้งนะ หมาจึงจะเข้าใจ ฉะนั้นไม่ใช่ว่าพอหมาเรียนจบแล้วคุณจะไปใช้ได้เลย เพราะหมาเคยอยู่ที่บ้านกับเจ้าของก็รูปแบบหนึ่ง มาอยู่ที่โรงเรียนก็รูปแบบหนึ่ง ถ้ากลับบ้านไปแล้วยังใช้รูปแบบเดิมหมามันก็ลืม เจ้าของต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบด้วยถึงจะได้ผล ต้องหมั่นฝึกออกคำสั่ง ฝึกให้มันทำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 10 - 15 นาที ให้เวลาเล่นกับมัน แล้วถ้าเจ้าของเขามีหัวที่จะพลิกแพลงพัฒนาคำสั่งเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ สิ่งที่มันเรียนรู้ไปก็จะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์”

ไม่เพียงแต่ความสามารถง่ายๆ อย่างนั่ง ยืน หมอบ กลิ้ง คลาน กระโดด เท่านั้น ที่เจ้าสี่ขาสามารถทำตามคำสั่งของคนได้ คุณวิชัยบอกว่าหากฝึกกันดีๆ แล้วหมาเป็นสัตว์ที่มีขีดความสามารถสูง สามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่างสารพัด “หมาเป็นสัตว์ที่มีพรสวรรค์ ธรรมชาติสร้างมันมาให้มีจมูกที่สุดยอด หูสุดยอด มีมันสมอง ผมเคยดูสารคดี เมืองนอกเขาสามารถฝึกให้หมาดมหามะเร็งได้อย่างแม่นยำ แพทย์ยังทึ่งว่ามันทำได้ยังไง มันทำได้ก็จากการฝึก แล้วก็ยังมีการฝึกหมาไว้ดมหายาเสพย์ติด เพราะจมูกมันดีกว่าคนไม่รู้ตั้งกี่เท่า ผู้ร้ายเห็นหมาก็เหงื่อแตกแล้ว นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการแสดง หมาของผมเคยพาไปโชว์ ไปแสดงหนังด้วย อย่างเจ้าอูซี่ พันธุ์อเมริกันพิทบูล ได้ไปแสดงหนังฮอลลีวูดเรื่องบริเจ็ท โจนส์ ไดอารี่ มันอยู่ที่การฝึกฝน เจ้าอูซี่นี่มันเข็นรถเข็นได้นะ พาไปช้อปปิ้งก็ได้ มันจะเข็นรถเข็นเดินตามเลย แล้วยังเปิดตู้เย็นได้ รับโทรศัพท์ได้ ที่ผ่านมาผมเคยทดสอบหมาที่ผมฝึกไว้อารักขา โดยให้คนทำทีว่าเข้ามาทำร้ายผม หมามันก็กระโจนเข้ามากัดคนๆ นั้นทันที หรืออย่างเจ้าซัดดัมตัวนี้ เป็นบอดี้การ์ดผม กินกับผม นอนกับผม เฝ้าบ้านให้ผม ตัวนี้ใครมาทำร้ายผมไม่ได้เลยนะ มันกัดทันที แล้วใครก็จับมันไม่ได้ นอกจากผมกับลูกชาย ครอบครัวผมรักหมากันทุกคน บ้านผมเลี้ยงหมาไม่เคยขาด มีหลายพันธุ์ตั้งแต่พุดเดิ้ล ชิสุ โกลเด้นรีทีฟเวอร์ ร็อตไวเลอร์ แล้วก็อเมริกันพิทบูล พันธุ์นี้ผมชอบเป็นพิเศษเพราะมันแข็งแรง บึกบึน จิตใจเด็ดเดี่ยว แต่ละตัวเลี้ยงด้วยความรัก แล้วเขาก็อยู่กับเรานาน”



ทำไมถึงรักหมาขนาดนี้ เป็นคำถามที่คนรักหมาอย่างคุณวิชัยคงตอบได้ไม่ยาก “อยู่กับมันแล้วมีความสุข อธิบายไม่ถูก คนไม่เคยเลี้ยงจะไม่เข้าใจ ระหว่างให้ผมเลิกคบคนกับให้เลิกคบหมา ผมยอมเลิกคบคนนะ ให้ผมมีเพื่อนเป็นหมาดีกว่ามีคนหมาๆ มาเป็นเพื่อน เราอยู่กับมันมันไม่เคยทรยศเราแม้แต่ครั้งเดียวเลย ถึงแม้เวลามันป่วยมันยังทำหน้าที่ บางครั้งมันเจ็บ เราสงสารมันก็เหมือนกับเราเจ็บด้วย มันแฮปปี้เราแฮปปี้ด้วย ฉะนั้นจึงอยากจะฝากถึงคนเลี้ยงหมา ต้องคิดให้ดี ต้องมีเวลาดูแลเอาใจใส่มัน เลี้ยงหมาให้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนเอาหมามาฝากที่นี่กลัวหมาจะลืมตัวเอง หมามันไม่ลืมเจ้าของหรอก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน มีแต่เจ้าของจะลืมมัน ชีวิตนี้มันก็ฝากไว้กับเราแล้วทั้งชีวิต บางคนเลี้ยงหมาตามกระแส พอไม่ชอบก็เอาไปทิ้งไปโยน ไปปล่อยวัด อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นเลย เลี้ยงหมาต้องให้ความรัก ถ้าเรารักมัน แล้วมันก็จะรักเรา”

:: บทความนี้เคยถูกตีพิมพ์ในคอลัมน์ "ทองหลังพระ" ของ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เมื่อเดือนมีนาคม2550 ::
บทความ โดย ชุติมา กิตติธรกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

เรื่องดีๆ ล่าสุด